Support
คุณแม่คุณลูก
0863003766
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ

สีสำหรับเด็กและประสบการณ์เรื่องสีของเด็กเล็ก

kunmaekunluke@gmail.com | 04-11-2556 | เปิดดู 1733 | ความคิดเห็น 0

สีสำหรับเด็กและประสบการณ์เรื่องสีของเด็กเล็ก

เด็กเล็กกับโลกของสีและประสบการณ์เกี่ยวกับสี
วันนี้คุณแม่คุณลูกขอว่าด้วยเรื่องสีสันต่างๆคะ  เรื่องนี้คุณแม่ให้ความสำคัญมากพอๆกับเรื่องดนตรีหรือการให้เด็กๆได้ฟังดนตรีที่ดี (เช่นโมสาร์ท บีโธเฟน ดนตรีไทยบรรเลง ฯลฯ) ไม่ใช่ว่าต้องการให้ลูกเป็นอัจฉริยะทางศิลปะหรือปั้นลูกเป็นศิลปินะนะคะ ตัวคุณแม่เองห่างไกลจากคำนั้นมากจริงๆ ^^


วันนี้ขออนุญาตแบ่งปันข้อความจากหนังสือที่อ่านติดตัว 2 เล่มตลอดระยะเวลาเลี้ยงลูกเลยทีเดียว จะบอกว่าเป็นคู่มือเลี้ยงลูกของยุ้ยเองเลยก็ว่าได้ (เป็นหนังสือที่คุณพ่อคุณแม่ทุกท่านควรอ่าน อันนี้ไม่ได้พูดเองเพราะเค้ายืนยันด้วยยอดขายจากทั่วโลก และ ศ.นพ.ประเวศ วะสี บอกว่าหนังสือเล่มนี้คือสมบัติของคนไทย)
มาว่ากันด้วยเล่มแรกกันค่ะ


ชื่อหนังสือ “ คุณคือครูคนแรกของลูก” 
เขียนโดย ราหิมา บาลด์วิน แดนซี
แปลโดย คุณสุวรรณา โชคประจักรษ์ชัด อุชุคตานนท์ 

บทที่เก้า หน้าที่ 319 กล่าวไว้ว่า
“ การช่วยให้ความสามารถทางศิลปะของลูกเผยออกเป็นขวัญอันล้ำค่าที่คุณสามารถมอบให้เขาซึ่งมิจำเป็นว่าเขาต้องกลายเป็นจิตรกร หากเขาจะรักษาความสัมพันธ์อันมีชีวิตที่มีต่อสี และเขาชื่นชอบการเล่นของแสงและเงาด้วยดวงตาที่ละเอียดอ่อน และยังก่อให้เขาเชื่อมั่นที่จะแสดงตัวตนของเขาผ่านสื่อทางศิลปะและพบกับความเบิกบานในงานนั้น”

“ เด็กๆรักสี และเป็นหนึ่งเดียวกับสีของสิ่งต่างๆที่อยู่โดยรอบตัวเขา และหลั่งไหลแทรกซึมเข้าไปในตัวเขา เด็กจึงรู้สึกถึงอิทธิพลของสีต่างๆอย่างรุนแรง ซึ่งสีหนึ่งอาจให้ความรู้สึกที่ดี ขณะอีกสีอาจให้ความรู้สึกไม่สบายใจ และเมื่อเด็กมีการรับรู้ที่ไวและเปิดกว้างกว่าผู้ใหญ่ ประสบการณ์แห่งสีของเด็กจึงเข้มข้นมากกว่า”

หน้าที่ 331 เรื่องการพัฒนาความสามารถทางศิลปะของลูก
“กิจกรรมระบายสีนอกจากเป็นช่วงเวลาที่วิเศษสุดแล้วยังมีประโยชน์อีกมากมาย เมื่อเด็กรู้จักสีด้วยวิถีทางซึ่งสอดคล้องกับประสบการณ์และตัวตนภายใน ต่อมาเขาจะพบสิ่งเหล่านี้อีกครั้งในท่ามกลางธรรมชาติ และรับรู้ความเป็นไปของธรรมชาติอย่างละเอียดอ่อน โดยเฉพาะการเกิดขึ้นของแสงและสี แม้ว่าเขามิได้เกิดมาเพื่อเป็นจิตรกร แต่ทว่าเขาก็จะเข้าใจและชื่นชมต่อโลกมากยิ่งขึ้น และสิ่งเหล่านี้ยังช่วยปลุกวิญญาณแห่งการเคารพในความงดงามของธรรมชาติ"


และหนังสืออีกเล่มที่คุณแม่คุณพ่อจากทั่วโลกให้ความสำคัญมากๆคือ

 

“รอให้ถึงอนุบาลก็สายเสียแล้ว”
เขียนโดย มาซารุ อิบุกะ
แปล/เรียบเรียงโดย ธีระ สุมิตร / พรอนงค์ นิยมค้า

 

บทที่ 64 หน้า 97
วัยเด็กเล็กนี่แหละที่ควรให้เด็กได้ดูของแท้
“...สิ่งที่คนส่วนใหญ่ยอมรับมาแต่โบราณแล้วว่าเป็นดนตรีชั้นเยี่ยม หรือเป็นภาพเขียนชั้นยอดนั้น เราก็น่าจะคิดว่าเป็น “ของแท้”ได้นะครับ สิ่งที่ผมอยากเน้นคืออย่าคิดว่าเด็กยังเล็กเกินไปจึงดูแต่หนังสือภาพที่มีสีสันเปรอะเปื้อนไปด้วยรสนิยมต่ำ ภาพเขียนที่คุณพ่อคุณแม่คิดว่าดี ไม่ว่าจะเป็นภาพของมาทิส หรือปิกัสโซ่ ควรให้เด็กดู ดนตรีที่คิดว่าดีไม่ว่าจะของบีโธเฟ่น หรือของโมสาร์ท ควรให้เด็กได้ฟังมากๆ”

บทที่ 68 หน้า 103
ดินสอและสีเทียน ควรให้เด็กเร็วที่สุด
“...กล่าวกันว่า การขีดเขียนเล่น การรื้อกล่องของเล่น การฉีกกระดาษเล่นของเด็กเป็นการใช้นิ้วมือ ซึ่งเป็นการช่วยพัฒนาสติปัญญาของเด็ก และช่วยให้เด็กมีความคิดสร้างสรรค์ เพราะฉะนั้นเราควรให้เด็กได้จับดินสอและสีเทียนโดยเร็วที่สุด
อย่างไรก็ตาม ถ้าเราให้ดินสอและสีเทียนแก่เด็ก แต่ในขณะเดียวกันเราคอยห้ามว่า ทำไอ้นั่นไม่ได้ ทำไอ้นี่ไม่ได้ จะกลายเป็นการเด็ดหน่อของความอยากมีความคิดสร้างสรรค์ของเด็กทิ้งเสีย”


          คุณแม่ขอยกมาเพียงเท่านี้ก่อน ไม่งั้นบทความของเราจะกลายเป็นวิทยานิพนธ์ไปซะก่อนค่ะ ^^ ที่กล่าวกันมายืดยาว เพราะคุณแม่เห็นความสำคัญเรื่องสีและการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดที่เราทำได้ให้กับเจ้าตัวน้อย ส่วนตัวคุณแม่เองถ้ามีโอกาสจะพาลูกชายไปดูนิทรรศการหรืองานแกลลอรี่เท่าที่เวลาและโอกาสจะอำนวยค่ะ ล่าสุดเราได้เดินทางไปประเทศสเปน ซึ่งคุณแม่ถือว่าวันที่สนุกและมีคุณค่ามากที่สุดคือวันที่ได้พาลูกไปดูงานภาพเขียนที่ Museo Del Prado ค่าเข้า 14 $ เราไม่คิดอะไรมากคิดแต่ว่า มาต่างประเทศทั้งทีควรจะไปดูสิ่งที่เค้าว่าห้ามพลาดเมื่อมาประเทศนั้น เพราะโดยส่วนตัวไม่ได้อาร์ตติสขนาดนั้น แต่กลับกลายเป็นสิ่งที่ครอบครัวเราชอบมากที่สุด เราได้พาลูกไปชมผลงานระดับโลกของ Goya, Francisco Valvo Serraller  และผลงานระดับ Masterpieces อื่นๆอีกมากมายร่วม 4 ชั่วโมงด้วยกัน (ยังน้อยไปค่ะ อยู่ได้เป็นวันเลยแต่เวลาไม่อำนวย) ถือเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ดีมากสำหรับครอบครัว ลูกชายดูภาพไปตอนแรกก็อิดออดเพราะเริ่มง่วงนอน แต่คุณแม่ก็พยายามเล่าเป็นนิทานให้ฟัง มาชอบมากเรื่องอดัม กับอีฟ และภาพนางโมนาลิซ่า (ภาพจำลอง) เค้าชอบมากขนาดตอนกลับมาถึงเมืองไทยแล้วบอกว่า “เมื่อคืนนางโมนาลิซ่ายิ้มให้ยาณีด้วย” ^^ คนเป็นแม่ฟังแล้วปลื้มที่เค้ายังจำได้ แถมจำชื่อได้เป๊ะมากด้วยซิ ^^

 

           จากประสบการณ์เลี้ยงลูกที่พยายามให้เค้าได้เล่นกับสีอย่างแท้จริง หาสีสำหรับเด็กให้เค้าเล่นเพื่อความปลอดภัย   จัดที่ให้เค้าได้เล่นแบบเลอะๆได้เต็มที่ เพราะเราก็ขี้เกียจเป็นคุณแม่ช่างบ่นด้วย >< แม้จะมีบางครั้งเวลาเราหงุดหงิดหรือขี้เกียจซะเอง คุณลูกก็จะพลอยเล่นแบบไม่สนุก แถมเล่นได้แป๊ปๆก็เลิกแล้ว


       ฉะนั้นคุณแม่ท่านไหน ถ้าหากสามารถและเป็นไปได้ลองพาเจ้าตัวน้อยไปดูงานนิทรรศการต่างๆหรือไปดูรูปในโบสถ์ตามวัด หรือพิพิธภัณฑ์ต่างๆนะคะ เอาเท่าที่เราจะทำได้นี่แหละค่ะ ^^ และที่ไม่ต้องไปไหนไกลเลยเพียงแต่คุณแม่หรือคุณพ่ออยู่เล่นสีกับลูกๆ ยิ่งเลอะยิ่งสนุกแบบนี้หล่ะ ยุ้ยรับประกันเลยว่าเจ้าตัวน้อยจะได้ของขวัญติดตัวเค้าไปจนโตเลยทีเดียว
^^ด้วยรักจากคุณแม่คุณลูกค่ะ^^

 

เก็บภาพมาฝากค่ะ

ภาพแรกลงจากรถ City Tour ปุ๊ปคุณแม่ก็แชะภาพปั๊ปเลยได้ลำแสงเป็นลำส่องมาด้วย

 

ตกใจกับคิวที่ต่อยาววววววววว มากกกกกกกกก...นี่ไม่ฟรีนะคะ เสียเงินนะ

ต่อคิวอย่างกะเข้าฟรีอย่างงั้นแหละ แต่ปรากฏว่ายุ้ยผ่านมาตอนเย็น

ช่วงที่เปิดให้เข้าฟรี คิวยาวไปถึงตึกอีกฟากของถนนเลย ><

ตัดสินใจไม่ต่อคิวยาว มาลองกดซื้อบัตรอัตโนมัติดูจิ เผื่อจะซื้อเป็น

สุดท้ายก็ไม่ได้ต่อคิวเป็นหางว่าว เพราะคุณเจ้าหน้าที่ใจดีเห็นเราหน้าเด็ก !!

เอ้ยเห็นเด็กมาด้วย เลยพาไปต่อช่องพิเศษ แถวสั้นจุดจู๋ ได้ใช้สิทธิ์เด็กมันดีอย่างเงี๊ยะ^^ 

(ขนาดช่องพิเศษยังรอครึ่งชั่วโมงเลยค่ะ)

จ่ายค่าเสียหายกันตามนั้นค่ะ ^^

เย้ๆ ในที่สุดก็ได้ตั๋วมาแล้ว ^^

ขอเก็บภาพแชะๆเป็นที่ระลึกหน่อยว่าได้มาชม Museo Del Prado แล้ว

 

มาเจอกลุ่มเด็กนักเรียนมาทัศนศึกษา คิดแล้วแอบอิจฉาเด็กๆได้ดูงานคุณภาพระดับโลกใกล้บ้านดีจัง ^^

เด็กส่งเสียงดังเจี๊ยวจ๊าว แต่ประทับใจคุณแม่อย่างเรามากค่ะ ^^

 

 

อีกซักนิด เดินไม่ถึงทางเข้าซักที มัวแต่ถ่ายรูป ^^

ไม่แน่ใจว่าคืออะไร เพราะไม่ได้ขึ้นไปดู น่าจะเป็นโบสถ แต่เค้ามีป้ายภาพงานญี่ปุ่นอยู่ด้านหน้าด้วย

คนญี่ปุ่นมาที่นี่เยอะมากกกก ขนาดมีเอกสารเป็นภาษาญี่ปุ่น มีภาพงานของคนญี่ปุ่นอยู่ในแกลลอรี่ด้วย

 

ถึงทางเข้าซะที

 

 ภาพนี้เอาความเปิ่นของตัวเองมาขาย ><

ก็ไม่รู้ว่ามีกฏห้ามถ่ายภาพในแกลลอรี่ แชะไปภาพนึง รปภ.สาว (ปลายๆ) เดินทำหน้าซีเรียสเข้ามา

"Don't take a photo Madam !!!" เง้อ... ขายหน้าสุดๆ หน้าแตกยับเยิน ><

จะแกล้งพูดเวียดนามเหมือนพี่โน๊ตอุดมก็ไม่ทันละ ><

 

ไปเก็บภาพโดยรวมมาจากเว็บอากู๋(เกิ้ล)มาให้ค่ะ

ภาพนี้ทำให้คุณลูกตื่นเลย คุณแม่เล่าให้ฟังมีเจ้าชาย(อดัม)และเจ้าหญิง(อีฟ) แล้วก็มีจอมมารเป็นงู

เท่านั้นแหละถามต่อจนตอบไม่ได้เลย ก็จำได้แค่ว่าอีฟไปแอบกินแอปเปิ้ลต้องห้าม แล้วก็จบง่ะ - - '

 

ภาพโมนาลิซ่า ที่ทำเอาคุณลูกเก็บไปฝันเลยทีเดียว บอกว่าโมนาลิซ่ายิ้มให้ด้วย

ในแกลลอรี่มีแค่ภาพเดียว (ไม่แน่ใจว่ารูปด้านไหน)

 

กลับออกมาสู่โลกภายนอก เตรียมเดินทางต่อ อยู่ข้างใน 4 ชั่วโมงคุ้มจริงๆ

ถ่ายรูปกับอนุเสาวรีย์ Goya จิตกรเอกของสเปน

 ส่งท้ายด้วยภาพสวยๆมุมกว้างๆจากด้านหน้าของ Museo Del Prado ก่อนที่จะเดินทางต่อ

ด้วย City Tour ไปที่ พลาซ่ามายอร์ จตุรัสเก่าที่มีชีวิตชีวาที่สุดอีกแห่งหนึ่งของสเปนค่ะ

 Bye Bye Museo Del Prado I hope to see you again.^^

 

 

 

 

 

ความคิดเห็น

วันที่: Sat Apr 26 20:09:15 ICT 2025

แสดงความคิดเห็น
All Comments: 0 Pages: 1/0